วิธีคิด อรสิริน ปั้น “Mill Hill” โรงเรียนนานาชาติระดับโลกแห่งแรกในเชียงใหม่

เจาะวิธีคิด “อรสิริน” ปั้น “Mill Hill” โรงเรียนนานาชาติระดับโลกแห่งแรกในเชียงใหม่ แม่เหล็ก ดึง กำลังซื้อที่อยู่อาศัย เนื้อที่40ไร่ บนอาณาจักร600ไร่ บริเวณ สำนักงานใหญ่อรสิริน เตรียมลงมือสร้าง เปิดการเรียนการสอน เฟสแรก ปี68 อนุบาลถึงเยียร์6 ( 3-11ปี )

“ความสมบูรณ์แบบแห่งการอยู่อาศัย” แนวคิดการดำเนินธุรกิจกว่า17 ปี สำหรับ บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทางภาคเหนือ ได้สร้างผลงานเป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภคกว่า24โครงการ 4,878 ยูนิต มูลค่ากว่า 17,300ล้านบาททั้งแนวราบและแนวสูง โดยปีนี้ “อรสิริน” มีแผนพัฒนาโครงการต่อเนื่องอีก 6 โครงการ และสยายปีกไป ยังจังหวัดภูเก็ต

ที่เป็นไฮไลต์ อรสิริน วางแผนก่อสร้าง “มิลล์ ฮิลล์ สคูล” หรือ “Mill Hill International School Thailand” โรงเรียนนานาชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ หลังประกาศแผนขยายธุรกิจใหม่ ด้านการศึกษา และเซ็น MOU กับ The Mill Hill Education Group ประเทศอังกฤษ

มีหมุดหมายสร้างความมั่นคงทางธุรกิจหลากหลาย จิ๊กซอว์ตัวสำคัญเติมเต็ม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บนอาณาจักรใหญ่ กว่า 600 ไร่ ทำเลซูเปอร์ไฮเวย์ ที่ตั้ง สำนักงานใหญ่ของอรสิริน ประเมินว่าจะเปิดตัวนักเรียนคนแรกในเฟสปี 2568 อายุตั้งแต่ 3-11 ปี ก่อนขยายสู่เฟสที่ 2 ปี 2570 ถึงอายุ 18 ปี ผลผลิตที่จะก้าวไปสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

เนื่องจากหลักสูตรการเรียนการสอนระดับโลก ผสานกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตร เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียน สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาไทยและสากล โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นโรงเรียนที่ให้การเรียนรู้แบบผสมผสาน ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนระดับนานาชาติและมุ่งเน้นกิจกรรมเพื่อสร้างความพร้อมให้นักเรียน สำหรับปัจจุบันและอนาคต ผ่านเครื่องมือในการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ อย่างครบครัน

นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “อรสิริน” และ นางเคท ไซม่อน (Mrs. Kate Simon )หัวหน้าฝ่ายบริหารโรงเรียน Grimsdell และ Mill Hill School จากประเทศอังกฤษ ฐานะหนึ่งในผู้บริหาร Mill Hill  ในไทยให้สัมภาษณ์  ถึงแนวคิดการพัฒนา “Mill Hill” โรงเรียนนานาชาติแห่งแรกนอกเขต ประเทศอังกฤษ  เริ่มจากนางเคท มองว่า ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงและเชียงใหม่มีป่าเขา มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจาก โรงเรียนที่เธอสอนที่ประเทศอังกฤษ มีพื้นที่ติดป่าสีเขียวขนาดใหญ่เช่นกัน

นางเคท ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ จากการเป็นผู้ปกครองไปสู่การเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนฯ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี แม้ดูเก่าแก่มีอายุมากแต่เธอระบุว่า ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน มีความทันสมัยหล่อหลอมเด็กให้มีความคิดเป็นของตนเองกล้าคิดกล้าตัดสินใจ เด็กอนุบาลนั่งทำโฟโต้ชอปเด็กเรียนเอไอ ใช้ไอแพด อยู่กับเทคโนโลยี สามารถตัดต่อได้เอง สร้างนักเรียนให้มีความคิดสร้างสรรค์

มีอิสระดำเนินกิจกรรมด้วยตนเองที่จะสอดประสานไปกับการเรียน สร้างพื้นฐานสร้างเด็กเติบโตบนพื้นฐานที่ดี โดยวิสัยทัศน์คือทำให้เด็กมีความพร้อมทั้งจิตใจและร่างกายในฐานะที่เคยเป็นผู้ปกครอง เมื่อมาเป็นครู ทำให้เข้าใจถึงการบริหารและผลิตเด็กแต่ละคนออกมาให้มีคุณภาพที่ดีและ อยากโฟกัสวัยเด็กเพราะวัยเด็กแต่ละคนมีแค่ครั้งเดียว ซึ่งจะทำให้มีความหมายที่ดี

ส่วนการขยายโรงเรียนไปยังพื้นที่อื่นหรือประเทศอื่นนางเคทมองว่าต้องการพัฒนาที่เชียงใหม่ให้ดีที่สุดก่อนและเดินหน้าไปกับ อรสิรินเท่านั้น ที่สำคัญไม่มีการจัดชั้นว่าโรงเรียนแบรนด์ไหนดีที่สุดแต่จะพิจารณาจากคุณภาพความสำเร็จที่เด็กและผู้ปกครองได้รับมากกว่า

นายอรรคเดชสะท้อนว่า การเปิดโรงเรียนนานาชาติ มีจุดเริ่มต้นมาจากการมองหาโรงเรียนให้บุตรชายและค้นพบว่า “Mill Hill” ประเทศอังกฤษน่าสนใจ มีความเป็นธรรมชาติป่าสีเขียว ซึ่งใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการอรสิรินที่เชียงใหม่ ดังนั้นจึงนำมาซึ่งการตัดสินใจ ลงทุนบนพื้นที่โครงการที่มีอยู่ โดยไม่ต้องเดินทางไปเรียนไกลถึงประเทศอังกฤษ

ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนถูกกว่ามาก ซึ่งปีละเฉลี่ย 3 แสนบาท เทียบกับไปเรียนที่อังกฤษ เกือบ 1 ล้านถึง 1 ล้านบาทต่อปี ในขณะการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพเหมือนกัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนผู้ปกครองส่งบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบชั้นมัธยมปลาย และการันตีสามารถต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกโดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษได้ต่อเนื่อง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าเล่าเรียนได้อย่างมาก ขณะความสนใจของผู้ปกครอง ในเชียงใหม่มีค่อนข้างมาก

นายอรรคเดชมองว่าเกินความคาดหมายกับเป้าที่ตั้งไว้ เมื่อนึกถึงรายได้ที่จะเข้ามาก็อยากได้ แต่เลือกที่จะเน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณที่เป็นกลยุทธ์ ทำให้ผู้ปกครองนึกถึง Mill Hill เป็นที่แรกจะดีกว่า

“แผนเดิม จะเน้นเฉพาะเด็กอนุบาลแต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองว่าหากมีบุตรสองคน ซึ่งเป็นพี่น้องกันไม่ต้องการให้แยกโรงเรียน เพราะสะดวกต่อการมารับ-ส่งและต้องการให้พี่ได้ดูแลน้องไปด้วยเมื่ออยู่โรงเรียนเดียวกันบริษัทจึงนำเสียงสะท้อนเหล่านี้มาพิจารณาและปรับแผนให้เฟสแรกเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่อนุบาลถึงเยียร์ 6 ( 3-11ปี)  โดยเปิดชั้นละ 1 ห้อง รวม 8 ชั้นเรียน ชั้นละ 20 คน ปัจจุบันเตรียมลงมือก่อสร้างจำนวน2อาคารเนื้อที่2หมื่นตร.ม.เสร็จปลายปีนี้ เปิดการเรียนการสอนปี2568”

ด้านการแข่งขันโรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ต้องยอมรับว่ามีสูงซึ่งปัจจุบันมาถึง 22 แห่ง เมื่อรวมทั้งประเทศมีประมาณ 203 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งการลงทุนโรงเรียนนานาชาติ เป็นแม่เหล็กในการดึงคนซื้อโครงการที่อยู่อาศัยให้ลูกอยู่ใกล้โรงเรียนดีๆ หรือต้องการมีโรงเรียนดีๆ ใกล้บ้าน ต่างชาติส่วนใหญ่ มีจีน ไต้หวัน เมียนมา และชาติอื่นๆ ที่ทำธุรกิจในไทยหรือส่งบุตรหลานมาเรียนที่ไทยซึ่งเชียงใหม่มีระยะทางใกล้ที่สุดและเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว อยู่อาศัยและพักผ่อนทั้งคนไทยและต่างชาติ

โดยมีภูมิอากาศ ภูมิประเทศค่อนข้างดีใกล้เคียงประเทศอังกฤษ แต่ทั้งนี้ จะเน้นผสมผสาน โดยให้ความสำคัญกับปริมาณเด็กไทยให้เข้ามาเรียนมากกว่าเพราะต้องการสนับสนุนการเรียนการสอนที่ดีมีคุณภาพสามารถนำติดตัวไปใช้ได้ตลอดชีวิตส่วนการขยายการลงทุนโรงเรียนนานาชาติไปยังจังหวัดอื่นหรือไม่นั้น นายอรรคเดชยํ้าว่าต้องการพัฒนาที่เชียงใหม่ให้ดีที่สุด แต่ สำหรับ  “Mill Hill” สัญชาติอังกฤษ แล้ว จะไปทุกที่ที่อรสิรินไปอย่างแน่นอน!

ที่มา : Thansettakij

Ornsirin Group โครงการคุณภาพสำหรับคุณ

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1. หลักการและเหตุผล

เนื่องด้วยในปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพสังคมในปัจจุบัน ทั้งด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอันเกี่ยวกับข้อมูลออนไลน์ กลุ่มบริษัทอรสิรินจำกัด (บริษัทฯ) ได้เห็นความสำคัญของความเป็นส่วนตัวของกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลากรและลูกค้า รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่านได้ทราบถึงนโยบายและวิธีปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงได้ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้คือ

2. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

ใช้บังคับในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการทำสัญญาที่มีบริษัทเป็นคู่สัญญา และให้รวมไปถึงข้อมูลที่บริษัทได้รับมาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ โดยบริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปฏิบัติเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเป็นหลักสำคัญโดยวิธีการอันเปิดเผย และเป็นธรรม ซึ่งการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะดำเนินการภายใต้ความยินยอมของผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้คือ:-

2.1.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ , พระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา , ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา รวมไปถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2.1.2 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

2.1.3 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

2.1.4 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

2.1.5 เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

2.1.6 เป็นการดำเนินการเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีฐานะเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น ๆ

2.1.7 เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติงานตามสัญญาเพื่อยื่นขออนุมัติจากสถาบันการเงิน

2.1.8 เป็นการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

2.2 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายใต้มาตราการป้องกัน โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวบริษัทจะใช้เพื่อการติดต่อและเสนอบริการให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือใช้เพื่อยื่นข้อเสนออื่น ๆ อันเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ของบริษัทหรือบริษัทภายในเครือ และใช้เพื่อแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และจดหมายข่าวต่าง ๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลได้รับทราบและบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคคลไว้ภายใต้มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บุคคลากรของบริษัทปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และจะดำเนินการป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือถูกนำไปเปิดเผยโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล หรือนำไปหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเด็ดขาด

2.3 สิทธิและความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของข้อมูล

บริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคล หรือยินยอมให้มีการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัททำการเก็บรักษาไว้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับการแจ้งความประสงค์มาจากเจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาทตามกฎหมาย ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยผู้ขอเปิดเผยสามารถแจ้งความประสงค์มาทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือมายังบริษัทพร้อมกับเอกสารแสดงสิทธิที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

2.4 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ ไว้ตามกำหนดระยะเวลาการใช้งานข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความประสงค์ให้บริษัททำการโอน ลบ หรือทำลายข้อมูลนั้น ๆ เสีย เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะแจ้งให้บริษัททราบทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งมายังบริษัทโดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบขั้นตอนการดำเนินงานภายในบริษัท

3. มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท

บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้คือ

3.1 ด้านหลักเกณฑ์ทั่วไปของบริษัท

3.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากทางสื่อออนไลน์ หรือจากการทำสัญญาต่าง ๆ เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงข้อมูลอื่นใดอันสามารถบ่งบอกตัวตนของบุคคลได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตกลงไว้กับบริษัท และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

                  3.1.2 หากบริษัทเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและขอความยินยอมทุกครั้งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือประกาศในเว็บไซต์ของบริษัทไม่น้อยกว่า 30 วัน

พร้อมกันนี้บริษัทจะวางมาตรการกำหนดให้มีการบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ไว้เป็นหลักฐานด้วย เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดให้เป็นอย่างอื่น

                  3.1.3 บริษัทจะทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายในฐานข้อมูลของบริษัท ทั้งนี้เพียงเพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานตามสัญญาและการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น และเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้พ้นระยะเวลาการใช้งานไปแล้ว หรือได้พ้นระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลประจำหน่วนงานไปแล้ว บริษัทจะทำการลบและทำลายข้อมูลดังกล่าวตามมาตรการและแนวปฏิบัติที่บริษัทได้วางไว้

                  3.1.4 ในกรณีที่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงระบบฐานข้อมูลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้ภายในบริษัท บริษัทจะควบคุมการดำเนินการของหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น ๆ โดยเคร่งครัด และวางมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปเผยแพร่โดยเด็ดขาด

Ornsirin Group โครงการคุณภาพสำหรับคุณ