เริ่มต้นโครงการ อรสิริน 1 จากการเข้าซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิม มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย และสามารถปิดการขายโครงการภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี
ความสมบูรณ์แบบแห่งการอยู่อาศัย
ประวัติโครงการและพันธกิจ
ประวัติโครงการ
และพันธกิจ
ปี 2549
เริ่มต้นโครงการ อรสิริน 1 จากการเข้าซื้อกิจการต่อจากเจ้าของเดิม มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย และสามารถปิดการขายโครงการภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี
ปี 2550
เป็นช่วงที่อสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก บริษัทได้เริ่มขยายกิจการเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการ คือ โครงการอรสิริน 2
ปี 2553
เปิดโครงการใหม่รวม 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านอรสิริน 3 ,บ้านอรสิริน 4 , บ้านอรสิริน 5 โครงการอรสิรินทาวน์โฮม 1 และโครงการคอนโดมิเนียม The Next 2
ปี 2555
บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 500 ล้านบาท เพื่อเป็นการระดมทุนในการขยายโครงการในเชียงใหม่ ทำให้ทั้งกลุ่มบริษัทและในเครือ มีทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 700 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่รวม 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวอรสิริน 6 , โครงการอาคารเพื่อการพาณิชย์ บิสสิเนสเซ็นเตอร์ 1 และ 2 ,บิสสิเนสเซ็นเตอร์เชียงขาง , โครงการคอนโดมิเนียม The Next 1 และ The Next 3
ปี 2556
เปิดโครงการรวม 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยวอรสิริน 11 และ อรสิริน 14, โครงการอาคารเพื่อการพาณิชย์ บิสสิเนสเซ็นต์เตอร์ 4 , 4.1 (ในโครงการอรสิริน 6) และบิสสิเนสเซ็นเตอร์ 5 (ในโครงการอรสิริน 14) วันที่ 14 ก.พ. 56 เปิดตัวโครงการห้องชุดสุดหรูบนถนนช้างคลานภายใต้ชื่อ The Astra อัญมณีแห่งเชียงใหม่ ในเครือบริษัท นอร์ทโฮม จำกัด รวมโครงการที่เปิดแล้วทั้งหมด 18 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 8,600 ล้านบาท
ปี 2557
กลุ่มบริษัทได้ปรับโครงสร้างและการบริหารงานภายในเพื่อรองรับการเจริญเติบโตในอนาคตและรองรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ผู้บริหารมืออาชีพจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลากหลายท่านมาร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเพื่อผลักดันความเป็นมาตรฐานสากลและการขยายฐานรายได้ในอนาคต เพิ่มคุณภาพโดยการเตรียมเข้าสู่ระบบ ISO ของงานก่อสร้างและงานที่เกี่ยวเนื่องกันวิสัยทัศน์เเละพันธกิจวิสัยทัศน์ดำเนินการภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจและความสุขในการอยู่อาศัยให้แก่ลูกค้า ประกอบไปด้วยรูปแบบ ทำเลที่ตั้ง คุณภาพของสินค้าและการให้บริการที่มีประสิทธิภาพในระดับแนวหน้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างชุมชนและคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน
ปี 2558
ได้ก่อตั้ง บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มบริษัทย่อย ( บริษัท นอร์ทโฮมจำกัด, บริษัท อรสิรินกรุ๊ป จำกัด, บริษัท อรสิริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท นอร์ทโฮม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ให้เป็นมาตาฐานสากลโดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอยู่ในระดับแนวหน้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือ
ปี 2559
เปิดขายโครงการใหม่ คือโครงการ Urban Myx ซึ่งเป็นโครงการอาคารเพื่อการพาณิชย์ และอยู่อาศัย ภายใต้ชื่อบริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด รวมโครงการที่เปิดแล้วทั้งหมด 19 โครงการ
ปี 2560
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ได้ควบรวมนำบริษัทในเครือจำนวน 5 บริษัทที่สร้างโครงการบ้านและอาคารพาณิชย์ รวมเป็น บริษัท อรสิริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำกัด ภายใต้การบริหารงานของบริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัดเพื่อเตรียมเข้าสู่การจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน
ปี 2561
ภายใต้การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของบริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัดและกลุ่มบริษัทในเครือ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการขยายโครงการเพิ่มอีก 3 โครงการ คือ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกๆด้าน
ปี 2562
ขยายโครงการเพิ่มเติมโดย ได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ของบริษัทเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ คือโครงการบีลีฟ วงแหวน-สันกำแพง ซึ่งคำว่า บีลีฟ หมายถึง ความเชื่อ เชื่อมั่นในคุณภาพของอรสิรินเพราะเราตั้งใจสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้คนเชียงใหม่ และพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ เดอะเน็กซ์ เจ็ดยอด ในสไตล์ Minimal Art Deco
ปี 2563
ในเดือนกุมภาพันธ์ อรสิรินได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมหรูบนถนนช้างคลาน ชื่อ “Astra Sky River” ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท
2564
ในเดือนมกราคม อรสิรินได้เปิดตัวโครงการบีลีฟ สันทราย – แม่โจ้ และ ฮาบิแทท วงแหวน – สันกำแพง
2565
มีการเปิดตัวโครงการที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์กลุ่มใหม่นอกเหนือจากที่อรสิรินเคยทำ โดยมีโครงการ ดิ เอสเคป มหิดล เป็นโครงการบ้านหรู พร้อมสระว่ายน้ำในตัว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของเชียงใหม่ และบ้านสไตล์ โมเดิร์นญี่ปุ่น ในคอนเซ็ปท์ “วิถีความสุข ที่เรียบง่าย” ภายใต้ชื่อ บีลีฟ รวมโชค รวมทั้งมีงาน Grand Opening โครงการ ดิ แอสตร้า สกาย ริเวอร์ เพื่อตอกย้ำความสำเร็จและสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในสินค้าของอรสิริน
2566
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2566 ได้มีมติอนุมัติเรื่องที่สำคัญ ดังนี้
o อนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
o อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 100 บาท เป็น 1 บาท
o เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1,093.50 ล้านบาท เป็น 1,500 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน
406.50 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public
Offering: IPO) คิดเป็นสัดส่วนการเสนอขาย IPO 27.10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการ IPO
o อนุมัติให้นำหุ้นสามัญของ ORN เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
o บริษัทนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และซื้อขายวันแรกในวันที่
30 ตุลาคม 2566
2567
o บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ “บริษัท อรสิริน เอ็ดดูเคชั่น จำกัด (“ORE”)” เพื่อดำเนินธุรกิจโรงเรียน
นานาชาติภายใต้แบรนด์ Mill Hill School ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีมูลค่าโครงการลงทุนประมาณ 670
ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจเดิมของกลุ่มบริษัทไปยังธุรกิจใหม่ด้านการศึกษา เพื่อให้บริษัทมีรายได้ที่
มั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงตอบโจทย์การพัฒนาที่ดินที่มีศักยภาพของกลุ่มบริษัทให้เกิดประโยชน์สูงสุด
o ORN ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 300 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569
o กลุ่มบริษัทได้คว้ามาตรฐานสากล ISO 14064-1:2018 เพื่อยกระดับองค์กรคาร์บอนต่ำ สู่การเติบโตอย่าง
ยั่งยืน
o เปิดตัวโครงการ “Arise Vibe Phuket” ซึ่งเป็นการขยายโครงการสู่ภูมิภาคอื่นครั้งแรก ที่ตำบลศรีสุนทร
อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ประเภทคอนโดมิเนียม Low rise ประกอบด้วยห้องชุด 484 ยูนิต มูลค่าขาย
โครงการ 1,115 ล้านบาท
มุ่งมั่นพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้ง เน้นสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีที่สุดในทุก ๆ ระดับ ทั้งด้านราคา ทำเลที่ดีมีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยเอาใจใส่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยมุ่งมั่นพัฒนา เสริมสร้างความรู้ และทัศนคติที่ดีให้แก่บุคลากร เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน และการให้บริการที่ดี
Copyright © 2016 – 2022 Ornsirin Group โครงการคุณภาพสำหรับคุณ. All Rights Reserved.
1. หลักการและเหตุผล
เนื่องด้วยในปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพสังคมในปัจจุบัน ทั้งด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอันเกี่ยวกับข้อมูลออนไลน์ กลุ่มบริษัทอรสิรินจำกัด (บริษัทฯ) ได้เห็นความสำคัญของความเป็นส่วนตัวของกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลากรและลูกค้า รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่านได้ทราบถึงนโยบายและวิธีปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงได้ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้คือ
2. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
ใช้บังคับในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการทำสัญญาที่มีบริษัทเป็นคู่สัญญา และให้รวมไปถึงข้อมูลที่บริษัทได้รับมาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ โดยบริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปฏิบัติเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเป็นหลักสำคัญโดยวิธีการอันเปิดเผย และเป็นธรรม ซึ่งการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะดำเนินการภายใต้ความยินยอมของผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้คือ:-
2.1.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ , พระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา , ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา รวมไปถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.1.2 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
2.1.3 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
2.1.4 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
2.1.5 เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
2.1.6 เป็นการดำเนินการเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีฐานะเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น ๆ
2.1.7 เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติงานตามสัญญาเพื่อยื่นขออนุมัติจากสถาบันการเงิน
2.1.8 เป็นการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
2.2 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายใต้มาตราการป้องกัน โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวบริษัทจะใช้เพื่อการติดต่อและเสนอบริการให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือใช้เพื่อยื่นข้อเสนออื่น ๆ อันเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ของบริษัทหรือบริษัทภายในเครือ และใช้เพื่อแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และจดหมายข่าวต่าง ๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลได้รับทราบและบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคคลไว้ภายใต้มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บุคคลากรของบริษัทปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และจะดำเนินการป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือถูกนำไปเปิดเผยโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล หรือนำไปหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเด็ดขาด
2.3 สิทธิและความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของข้อมูล
บริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคล หรือยินยอมให้มีการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัททำการเก็บรักษาไว้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับการแจ้งความประสงค์มาจากเจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาทตามกฎหมาย ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยผู้ขอเปิดเผยสามารถแจ้งความประสงค์มาทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือมายังบริษัทพร้อมกับเอกสารแสดงสิทธิที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
2.4 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ ไว้ตามกำหนดระยะเวลาการใช้งานข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความประสงค์ให้บริษัททำการโอน ลบ หรือทำลายข้อมูลนั้น ๆ เสีย เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะแจ้งให้บริษัททราบทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งมายังบริษัทโดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบขั้นตอนการดำเนินงานภายในบริษัท
3. มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท
บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้คือ
3.1 ด้านหลักเกณฑ์ทั่วไปของบริษัท
3.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากทางสื่อออนไลน์ หรือจากการทำสัญญาต่าง ๆ เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงข้อมูลอื่นใดอันสามารถบ่งบอกตัวตนของบุคคลได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตกลงไว้กับบริษัท และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
3.1.2 หากบริษัทเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและขอความยินยอมทุกครั้งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือประกาศในเว็บไซต์ของบริษัทไม่น้อยกว่า 30 วัน
พร้อมกันนี้บริษัทจะวางมาตรการกำหนดให้มีการบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ไว้เป็นหลักฐานด้วย เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดให้เป็นอย่างอื่น
3.1.3 บริษัทจะทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายในฐานข้อมูลของบริษัท ทั้งนี้เพียงเพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานตามสัญญาและการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น และเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้พ้นระยะเวลาการใช้งานไปแล้ว หรือได้พ้นระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลประจำหน่วนงานไปแล้ว บริษัทจะทำการลบและทำลายข้อมูลดังกล่าวตามมาตรการและแนวปฏิบัติที่บริษัทได้วางไว้
3.1.4 ในกรณีที่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงระบบฐานข้อมูลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้ภายในบริษัท บริษัทจะควบคุมการดำเนินการของหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น ๆ โดยเคร่งครัด และวางมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปเผยแพร่โดยเด็ดขาด