November 2025

เมื่อพูดถึงเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ บ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic Style) หรือสไตล์สแกนดิเนเวียน ยืนหนึ่งในใจคนรุ่นใหม่ด้วยเสน่ห์ของความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่มีหลังคาทรงจั่วสูงเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ "นอร์ดิก" คือปรัชญาการอยู่อาศัยที่เน้นความผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ และการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ หากคุณกำลังฝันอยากมีบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตตากอากาศยุโรปแถบเหนือ หรืออยากรีโนเวทมุมโปรด บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 5 องค์ประกอบสำคัญที่จะเปลี่ยนบ้านของคุณให้กลายเป็นวิมานสไตล์นอร์ดิกได้อย่างสมบูรณ์แบบ 1. Less is More: เส้นสายเรขาคณิตและความเรียบง่าย หัวใจหลักของ บ้านสไตล์นอร์ดิก คือการตัดทอนความซับซ้อนทิ้งไป โครงสร้างภายนอกมักโดดเด่นด้วยหลังคาทรงจั่ว (Gable Roof) ที่ไม่มีชายคายื่นยาว เพื่อให้แสงส่องเข้าถึงตัวบ้านได้มากที่สุด การตกแต่งภายในเน้นเส้นสายที่สะอาดตา (Clean Lines) ไม่เน้นลวดลายวิจิตรบรรจง แต่ให้ความสำคัญกับระนาบผนังที่เรียบเนียนและการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเป็นระเบียบ สบายตา 2. โทนสีแห่งความสงบ (Earth Tone & Monotone) สีสันคือตัวกำหนดอารมณ์ของบ้าน สไตล์นอร์ดิกจะเน้นใช้สีพื้นฐานที่เลียนแบบธรรมชาติ เพื่อสร้างความรู้สึกสว่างและกว้างขวาง สีหลัก: สีขาว (White), สีออฟไวท์ (Off-White), และสีเทาอ่อน (Light Grey) สีรอง: สีครีม,

เชียงใหม่ ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น "บ้านหลังที่สอง" และ "เป้าหมายชีวิต" ของใครหลายคน ด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนาที่ผสานเข้ากับความสะดวกสบายของเมืองใหญ่ได้อย่างลงตัว ทำให้ความต้องการ บ้านเชียงใหม่ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึง การขยายตัวของเมืองได้เปิดหน้าดินใหม่ๆ ให้กลายเป็นทำเลศักยภาพที่น่าจับตามอง สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย การเลือกทำเลที่ "ใช่" คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 3 โซนหลักที่ถือเป็นทำเลทองของเชียงใหม่ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น 1. โซนสันทราย - ดอยสะเก็ด: ความสมดุลแห่งธรรมชาติและการเดินทาง หากพูดถึงโซนที่มีการเติบโตของโครงการ บ้านจัดสรรเชียงใหม่ มากที่สุดแห่งหนึ่ง คงหนีไม่พ้นโซนสันทรายและดอยสะเก็ด จุดเด่นของทำเลนี้คือ "ความร่มรื่น" ที่ยังคงกลิ่นอายของธรรมชาติ แต่ไม่ได้ห่างไกลความเจริญ Lifestyle: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนในคูเมือง แต่ยังสามารถเดินทางเข้าสู่ Central Chiangmai หรือนิมมานเหมินท์ได้ภายใน 15-20 นาที ศักยภาพ: ถนนวงแหวนรอบนอกที่มีการขยายช่องจราจร ทำให้การเดินทางลื่นไหล และเป็นโซนที่มีตลาดสด คาเฟ่เก๋ๆ และร้านอาหารพื้นเมืองซ่อนตัวอยู่มากมาย 2. โซนหางดง

ในบรรดาทำเลที่อยู่อาศัยของจังหวัดเชียงใหม่ หากถามว่าโซนไหนที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดและเนื้อหอมที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คำตอบคงหนีไม่พ้น "สันทราย" ย่านที่เปลี่ยนภาพลักษณ์จากชานเมืองอันเงียบสงบ สู่การเป็น "New CBD" (Central Business District) แห่งใหม่ของเชียงใหม่ฝั่งตะวันออก สำหรับผู้ที่กำลังมองหา บ้านสันทราย แต่ยังลังเลว่าทำเลนี้จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตในระยะยาวหรือไม่ บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงศักยภาพและเหตุผลที่ทำให้สันทรายกลายเป็น "The Best Choice" สำหรับการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ 1. Hub แห่งการคมนาคม: เข้าเมืองง่าย ออกต่างจังหวัดสะดวก จุดเด่นที่สุดของโซนสันทรายคือโครงข่ายคมนาคมที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ด้วยถนนสายหลักอย่าง "เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด" และถนนวงแหวนรอบ 2 (สมโภชเชียงใหม่ 700 ปี) และวงแหวนรอบ 3 เข้าเมือง: ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที สู่ย่านนิมมานเหมินท์ หรือคูเมือง ข้ามโซน: สามารถขับรถไปยังศูนย์ราชการ หรือมุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ได้โดยไม่ต้องฝ่ารถติดในตัวเมือง เชื่อมต่อจังหวัด: การเดินทางไปเชียงรายหรือลำปางทำได้ง่ายดายผ่านเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์ 2. Lifestyle Center: กิน เที่ยว ช้อป ครบจบในย่านเดียว การอยู่อาศัยในย่านสันทราย หมายถึงการที่คุณแทบไม่ต้องขับรถเข้าเมืองเพื่อไปห้างสรรพสินค้า

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1. หลักการและเหตุผล

เนื่องด้วยในปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพสังคมในปัจจุบัน ทั้งด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอันเกี่ยวกับข้อมูลออนไลน์ กลุ่มบริษัทอรสิรินจำกัด (บริษัทฯ) ได้เห็นความสำคัญของความเป็นส่วนตัวของกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลากรและลูกค้า รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่านได้ทราบถึงนโยบายและวิธีปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงได้ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้คือ

2. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

2.1 การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท

ใช้บังคับในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากการทำสัญญาที่มีบริษัทเป็นคู่สัญญา และให้รวมไปถึงข้อมูลที่บริษัทได้รับมาจากสื่อออนไลน์ต่าง ๆ โดยบริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการปฏิบัติเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเป็นหลักสำคัญโดยวิธีการอันเปิดเผย และเป็นธรรม ซึ่งการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูล หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะดำเนินการภายใต้ความยินยอมของผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้คือ:-

2.1.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ , พระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา , ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา รวมไปถึงกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2.1.2 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

2.1.3 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

2.1.4 เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท

2.1.5 เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

2.1.6 เป็นการดำเนินการเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีฐานะเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น ๆ

2.1.7 เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติงานตามสัญญาเพื่อยื่นขออนุมัติจากสถาบันการเงิน

2.1.8 เป็นการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

2.2 การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายใต้มาตราการป้องกัน โดยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวบริษัทจะใช้เพื่อการติดต่อและเสนอบริการให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือใช้เพื่อยื่นข้อเสนออื่น ๆ อันเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ของบริษัทหรือบริษัทภายในเครือ และใช้เพื่อแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และจดหมายข่าวต่าง ๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลได้รับทราบและบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคคลไว้ภายใต้มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บุคคลากรของบริษัทปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และจะดำเนินการป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือถูกนำไปเปิดเผยโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล หรือนำไปหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเด็ดขาด

2.3 สิทธิและความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของข้อมูล

บริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคล หรือยินยอมให้มีการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัททำการเก็บรักษาไว้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับการแจ้งความประสงค์มาจากเจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาทตามกฎหมาย ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยผู้ขอเปิดเผยสามารถแจ้งความประสงค์มาทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือมายังบริษัทพร้อมกับเอกสารแสดงสิทธิที่เกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

2.4 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่าง ๆ ไว้ตามกำหนดระยะเวลาการใช้งานข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความประสงค์ให้บริษัททำการโอน ลบ หรือทำลายข้อมูลนั้น ๆ เสีย เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะแจ้งให้บริษัททราบทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแจ้งมายังบริษัทโดยทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบขั้นตอนการดำเนินงานภายในบริษัท

3. มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท

บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการและแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้คือ

3.1 ด้านหลักเกณฑ์ทั่วไปของบริษัท

3.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากทางสื่อออนไลน์ หรือจากการทำสัญญาต่าง ๆ เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงข้อมูลอื่นใดอันสามารถบ่งบอกตัวตนของบุคคลได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตกลงไว้กับบริษัท และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

                  3.1.2 หากบริษัทเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและขอความยินยอมทุกครั้งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือประกาศในเว็บไซต์ของบริษัทไม่น้อยกว่า 30 วัน

พร้อมกันนี้บริษัทจะวางมาตรการกำหนดให้มีการบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ไว้เป็นหลักฐานด้วย เว้นแต่กฎหมายจะกำหนดให้เป็นอย่างอื่น

                  3.1.3 บริษัทจะทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ภายในฐานข้อมูลของบริษัท ทั้งนี้เพียงเพื่อใช้สำหรับการดำเนินงานตามสัญญาและการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น และเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้พ้นระยะเวลาการใช้งานไปแล้ว หรือได้พ้นระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลประจำหน่วนงานไปแล้ว บริษัทจะทำการลบและทำลายข้อมูลดังกล่าวตามมาตรการและแนวปฏิบัติที่บริษัทได้วางไว้

                  3.1.4 ในกรณีที่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงระบบฐานข้อมูลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บไว้ภายในบริษัท บริษัทจะควบคุมการดำเนินการของหน่วยงานหรือบุคคลภายนอกนั้น ๆ โดยเคร่งครัด และวางมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปเผยแพร่โดยเด็ดขาด

Ornsirin (ORN)